Topics
ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
ได้สร้างความเป็นจริงที่ค่อนข้างชัดเจนว่า มีโลกอื่นนอกจากดาวเคราะห์โลกของเราดำรงอยู่
นั่นหมายความว่า อวกาศที่กว้างใหญ่ไพศาล มีการตั้งถิ่นฐานอย่างมากมายมหาศาล
ถึงแม้จักรวาลจะเต็มไปด้วยดาวเคราะห์ที่มีการตั้งถิ่นฐานเหมือนโลกของเรา
แต่เราไม่สามารถมองเห็นการตั้งถิ่นฐานนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่วิทยาศาสตร์ค้นพบเป็นเพียงผลงานการคาดคะเน
และความคิดที่คาดเดาว่า
เป็นไปได้ที่จะมีสิ่งถูกสร้างที่มีชีวิตอยู่ในจักรวาลที่แผ่กว้างใหญ่ไฟศาลนี้
แต่การสนทนากันระหว่างอาดัมกับพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์อัลกุรอาน
และคัมภีร์อื่นๆ เป็นความจริงที่ชัดเจนว่า นอกจากมนุษย์แล้ว ยังมีชีวิตในรูปแบบอื่นดำรงอยู่
หนึ่งในนั้นคือเทวทูต และญิน เราไม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้
เนื่องจากไม่ได้รับการบรรจุพลังสายตาหรือการมองเห็น ซึ่งทำให้เห็นเทวทูตและญิน
เมื่อสายตาและการทำงานทางระบบกลไกถูกนำมาพิจารณา
จะพบว่าการสังเกตตามปกติประการหนึ่งของเราก็คือ สายตาที่ช่วยให้มองเห็นนั้นมีความจำกัด
สายตาจะมีระยะทำการที่จำกัด
หากเกินจากนี้ไปจะมองไม่เห็น
หากไม่ว่าด้วยการใดวิธีการหนึ่ง
สามารถทำให้ระยะที่จำกัดของสายตาขยายออกไปมากขึ้นแล้ว
ระยะการมองเห็นของสายตาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และเราจะสามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ห่างออกไป
ซึ่งสายตาปกติไม่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้กล้องส่องสองตา
เราจะเริ่มเห็นวัตถุที่อยู่ระยะไกลซึ่งสายตาปกติมองไม่เห็น
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เลนส์ ของกล้องส่องทางไกลหรือกล้องโทรทรรศน์
ทำให้สามารถขยายภาพขนาดเล็กของวัตถุที่ห่างไกลออกไป
ซึ่งซ่อนอยู่ในคลื่นที่มาจากวัตถุดังกล่าว
เราจึงเริ่มมองเห็นวัตถุแม้ระยะทางห่างนับไมล์ก็ตาม
เช่นเดียวกับกรณีผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น ทำให้มองเห็นวัตถุไม่ชัดเจน ในระยะปกติ
แต่เมื่อใช้แว่นสายตาทำให้มองวัตถุที่อยู่ห่างออกไปตามปกติ
สิ่งนี้พิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เลนส์มีคุณสมบัติในการขยาย
ซึ่งสามารถใช้มองวัตถุที่อยู่ไกลออกไป การศึกษาคุณสมบัติ
ดังกล่าวของเลนส์อย่างละเอียดเปิดเผยถึงสิ่งที่น่าสนใจว่า
การขยายของเลนส์เป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากความโค้งของกระจกอย่างเหมาะสม
ถ้าการใช้ความโค้งของกระจกอย่างเหมาะสมทำให้มองได้ไกลออกไปนับไมล์แล้ว
ทำไมมนุษย์จะไม่สามารถเห็นโลกที่มองไม่เห็นได้
ด้วยการใช้ประสบการณ์การเห็นพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง
และบรรดเทวทูตมาเป็นเกียรติภูมิของตน
ความจริงเป็นเพียงประเด็นการแสงหาสายตาดังกล่าวที่เคยมองดูเทวทูต
และได้รับเกียรติในการเห็นพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ซึ่งอยู่ในตัวของเราเอง
เราต้องกลับคืนไปสู่สภาพเดิมที่พระเจ้าทรงสนทนากับมนุษย์
(อาดัม) เพื่อให้ได้รับสายตาดังกล่าว
กฎที่ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับแผ่นจารึกที่ได้รับการพิทักษ์ (ลุฮ์มะฮ์ฟูซ)
นับว่ามีค่ายิ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ ที่ว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาดัมได้รับความสามารถมากมาย
แต่ลูกหลานของเขากลับถูกกีดกันออกไป ในความเป็นจริงแล้ว
มนุษย์ทุกปัจเจกคือภาพจำลองของอาดัม อาดัมคือต้นแบบของมนุษย์
และปัจเจกทั้งหมดของมนุษย์คือภาพสำเนาของต้นฉบับดังกล่าว
มนุษย์ทุกคนมีความสามารถแต่กำเนิด ที่จะเรียนศาสตร์ของพระเจ้าเกี่ยวกับนามชื่อต่างๆ
ที่พระองค์ทรงสอนให้แก่อาดัมผู้นี้
ด้วยคุณสมบัติความเหมือนและความคล้ายคลึงกับอาดัม
ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ของมนุษย์ยังคงเกี่ยวกับกับเรือนร่างทางกายภาพนี้
ศักยภาพของจิตวิญญาณก็จะยังคงสงบนิ่งอยู่ในตัวเขา แต่เมื่อมนุษย์เรียนรู้ว่า
ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสา และกระดูก
เป็นเพียงม่านที่ปิดบังเขาไว้เพราะความฝ่าฝืน
จิตใจมนุษย์ก็เริ่มแสวงหาความจริงและไล่ติดตามความจริงนี้
ในที่สุดก็ทำให้มนุษย์มีความคุ้นเคยกับศักยภาพเหล่านั้น
เนื่องจากบุตรหลานของอาดัมสามารถเดินผ่านโลกที่มองไม่เห็นได้
คำว่า “โลกที่มองไม่เห็น” บ่งชี้ถึงอาณาบริเวณที่ซ่อนเร้นจากประสาทสัมผัสทางวัตถุของเรา
นั่นคือความรู้สึกที่เรามีประสบการณ์ในโลกวัตถุ
และอยู่ในความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อโลกที่ปรากฏอยู่นี้เท่านั้น
สิ่งนี้จะต้องได้รับความเข้าใจอย่างชัดเจนและจดจำอย่างระมัดระวังว่า
ความรู้สึกทั้งระบบที่ถูกกำหนดให้เป็นพยานต่อโลกที่มองไม่เห็น
มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่เราใช้เพื่อทำความเข้าใจโลกวัตถุที่อยู่รอบๆ
ตัวเรา
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์