Topics
เมื่อมีการพิจารณาความรู้แขนงใดก็ตาม
สองสิ่งสำคัญจะมีความหมายทันที สิ่งแรกคือความรู้ทางทฤษฎี
ซึ่งเรามีรายละเอียดเกี่ยวกับความรู้แขนงนั้นโดยเฉพาะ และในท้ายที่สุด
การลงมือกระทำและวิธีการในทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรู้แขนงนั้นจะได้รับการสาธิตให้ดู
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ความรู้เป็นส่วนผสมของทฤษฎีและปฏิบัติ
ศาสตร์ทางจิตวิญญาณก็เช่นเดียวกับความรู้แขนงอื่นทั้งหมดที่หนีไม่พ้นข้อยกเว้นนี้เช่นกัน
นั่นคือภายหลังจากเรียนรู้กฎเกณฑ์หลักการและตำรับตำราในทางทฤษฎีแล้ว
ผู้เรียนต้องได้รับการทดสอบวิเคราะห์และตรวจสอบในทางปฏิบัติ
มีวิธีการเรียนรู้และได้รับความรู้อยู่ 2 วิธี
วิธีการหนึ่งคือเรียนทฤษฎีก่อน จากนั้นจึงใช้ตำรับตำรา
หลักการและกฎที่เรียนมาไปในทางปฏิบัติ อีกวิธีหนึ่งคือ
เริ่มเรียนโดยผ่านการทดลองปฏิบัติโดยตรง
ตัวอย่างเช่น
ผู้ที่เรียนงานช่างไม้ ภายใต้การชี้นำควบคุมดูแลของครู และสามารถสร้างเก้าอี้จนสำเร็จ
มีอีกคนหนึ่งเริ่มสร้างความคุ้นเคยกับหลักการเบื้องต้นนั้นมูลฐานงานช่างไม้
โดยศึกษาจากหนังสือและวัตถุดิบอื่นๆ ก่อน แล้วจึงพยายามสร้างเก้าอี้ขึ้นมา
ทีนี้บุคคลผู้นี้อาจไม่รู้ว่า ไม้อะไรที่หมาะสมที่สุดในการทำเฟอร์นิเจอร์แบบต่างๆ โดยเฉพาะ
แม้แต่ว่าไม้ที่ตั้งใจจะใช้นั้นตากแห้งพอหรือไม่
อัตราส่วนของน้ำในไม้ดังกล่าวเป็นอย่างไร
ลักษณะของเนื้อเยื่อและเส้นใยในไม้เป็นอย่างไร ? ไม้หนึ่งลูกบาศก์ฟุตหนักเท่าใด ? เมื่อทาน้ำมันแล้วมีความมันวาว
ขนาดไหน ? ถ้าทาสีแล้วรูปทรงสุดท้ายจะเป็นอย่างไร อายุการใช้งานเฉลี่ยจะประมาณเท่าใด
ปลวกจะกินเนื้อไม้ได้หรือไม่ ?
หลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้
ผู้เริ่มเรียนจะได้รับทราบอย่างอัตโนมัติ โดยตรง
ผ่านทางประสบการณ์การจับเครื่องไม้เครื่องมือและไม้จริงๆ
ผู้ที่ได้รับความรู้ขั้นพื้นฐานของสาขาวิชาเฉพาะ สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิศวกร
แต่อาจไม่สามารถสร้างเก้าอี้ได้ แต่วิศวกรก็มีความสำคัญในตัวเอง
ความรู้รูปแบบหนึ่งคือการรู้แต่เพียงทางทฤษฎี
และอีกรูปแบบหนึ่งคือการรู้โดยผ่านการมีส่วนร่วมภาคปฏิบัติในกรณีทีบุคคลมีประสงการณ์ทางด้านปฏิบัติ
ย่อมเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า ผู้มีเพียงความรู้ทางทฤษฎีในบางอย่าง
และความรู้รูปแบบที่สามคือ
บุคคลหนึ่งมีความรู้ทางทฤษฎีควบคู่กับความรู้ในทางปฏิบัติ
จักรวาลซึ่งพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งยิ่งสร้างสรรค์ขึ้น
ได้รับการรังสรรค์และวางพื้นฐานอยู่บนแบบแผนที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
ในทางจิตวิญญาณนิยม วิธีการที่จะทำให้ตัวเราเองได้รับและคุ้นเคยกับความรู้และโครงสร้างแห่งจักรวาลมีอยู่
2 วิธี ในตัวอย่างแรก
ครูทางจิตวิญญาณจะสามารถทำให้สานุศิษย์กลายเป็นผู้มีความรู้ทางปฏิบัติ
ด้วยอิทธิพลของการฝึกฝนทางจิต
วิญญาณของตน แต่แบบแผนนี้มีข้อบกพร่อง
ถ้าประสบการณ์ความพยายามเกิดล้มเหลวเดินไปผิดทาง
หรือลักษณะเชิงสร้างสรรค์ของความรู้ กลับให้ผลออกมาในเชิงทำลายแล้ว
มนุษย์ก็จะพบตวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ช่วยอะไรไม่ได้
และไม่อาจทำสิ่งที่ผิดพลาดให้ถูกต้องได้ ในบางคนนอกจากมีความรู้ในทางปฏิบัติแล้ว
การมีความรู้ทางทฤษฎีไม่เพียงช่วยให้สั่งการควบคุมเหนือ สถาการณ์ที่เป็นผลร้ายได้เท่านั้น
แต่ยังช่วยเหลือและปรับปรุงการค้นพบและสร้างประดิษฐกรรมใหม่ๆ
ทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะด้วย
สาระสำหรับของการพิจารณาทั้งหมดนี้ก็คือ
ความรู้นี้เท่านั้นที่เป็นจริงและเชื่อถือได้ ซึ่งจะค่อยๆ
มีการเรียนรู้ทีละขั้นตอน เหมือนกับการเรียน ก ข ค ง และเช่นเดียวกัน
ในประสบการณ์การฝึกฝนและการปฏิบัติตามคำสอนของท่านศาสดา
(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านและตลอดทั้งบรรดาลูกหลานของท่าน) และคัมภีร์อัลกุรอาน
ศาสตร์ทางจิตวิญญาณก็มี 2 ส่วน
ที่แตกต่างกันทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติระหว่างที่หลักสูตรการเรียนรู้ผ่านการทดลองด้านปฏิบัติ
ครูหรือผู้ฝึกสอนจะแนะนำสานุศิษย์ให้กล่าวถ้อยคำรำลึกหรือแนะนำการฝึกโดยเฉพาะให้นักเรียนหรือ
สานุสิทธิ์จะปฏิบัติตามวิธีการของครู
เริ่มปฏิบัติการฝึกฝนที่ได้รับการแนะนำหรือสิ่งที่ครูบอกให้กล่าวอย่างเชื่อฟัง
เมื่อความสามารถและศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียนเพิ่มขึ้นพื่อซึมซับความรู้
ครูจะทำให้เขาเห็นเป็นพยานสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยการฝึกฝนอิทธิพลทางจิตวิญญาณของตน นั่นคือครูทางจิตวิญญาณที่เรียกว่า
“เชค” ได้ชี้นำอิทธิพลทางจิตวิญญาณของตน
เพื่อสามารถให้สานุศิษย์แลเห็นเทวทูต เริ่มการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ หรือ
เริ่มเดินผ่านสวนสวรรค์
และถ้าศานุศิษย์ได้รับการพิจารณาว่ามีความก้าวหน้าเหมาะสมเพียงพอ
เขาจะถูกทำให้เป็นผู้ตระหนักรู้ในคุณลักษณะของพระเจ้า อีกแบบแผนหนึ่ง
กฎที่รองรับในฐานะรากฐานความรู้และสูตรสาขาที่ควบคุมจักรวาลนั้นครูจะเป็นผู้สอน
ความสามารถในการแสดงออกและควบคุมสูตรและกฎเหล่านี้จะเกิดขึ้นในตัวนักเรียน
เนื่องด้วยความเข้าใจกฏและสูตรแห่งองค์ความรู้อันยอดเยี่ยมที่เพิ่มขึ้น
พระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ได้ประกาศว่า
“เราได้ทำให้ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์รับใช้เจ้า
และสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นอยู่ในการปกครองของเจ้า”
ในคัมภีร์อัล กุรอาน
การนำเสนอปรากฏการณ์การพิชิต และปกครองจักรวาลมี 2 วิธีที่แตกต่างกัน
วิธีหนึ่งตนเองเป็นศูนย์กลาง นั่นคืออธิบาย หรือทำความเข้าใจ ความดีหรือความเลว
ด้วยการอ้างอิงถึงตัวบุคคลผู้นั้น
อีกวิธีหนึ่งคือเมื่อตัวตนถูกละทิ้งและไม่ได้รับการอ้างถึงอีกเลย สิ่งต่างๆ
ได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในขอบข่ายกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ซึ่งถูกขานเรียกว่า “ชะตากรรม”
สิ่งนี้ได้รับการพิจารณาในเรื่องราวของโมเซส
ซึ่งเขาพบกับบ่าวของพระองค์คนหนึ่ง
ที่ได้รับมอบความรู้สึกพิเศษจากความเมตตาของพระองค์ ความรู้ดังกล่าวในแนวทางซูฟี
(รหัสยนิยม) เรียกว่า “ความรู้เชิงนัยยะ”
(อิลมุนลัดตูนี) ตามที่ทราบทั้งหมดแล้ว เกี่ยวกับเรื่องราวที่โมเสส
และบุรุษผู้หนึ่งโดยสารเรือไปด้วยกัน ซึ่งบุรุษผู้นั้นเจาะเรือลำดังกล่าว
ทั้งสองพักที่บ้านหลังหนึ่งในฐานะแขก
และบุรุษผู้นั้นสังหารเด็กหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้านเสีย
และในช่วงสุดท้ายของการเดินทาง ทั้งสองซ่อมกำแพงที่กำลังจะพังทลายลงมา
โดยไม่ได้ขอค่าตอบแทน ทั้งที่อยู่ในภาวะหิวกระหายน้ำอย่างหนัก โมเสส
ไม่เห็นด้วยกับการกระทำทั้งสามเหตุการณ์นี้
บุรุษผู้นั้นจึงขอแยกทางกับโมเสสด้วยการกล่าวว่า
ทั้งหมดที่กระไปสอดคล้องกับคำสั่งของพระเจ้า
โมเสสยอมรับว่าตนเองไม่สามารถรักษาสัญญาว่าจะสงบคำไม่ถามคำถามใดๆ
ต่อบุรุษคนดังกล่าว ท้ายที่สุดทั้งสองจึงแยกทางกัน ความรู้ที่โมเสสครอบครองนั้น
สัมพันธ์อยู่กับว่า ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้า เป้าหมายของการพิจารณานี้
มิได้บอกเป็นนัยว่า ความรู้ของโมเสสอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าความรู้ของบุรุษผู้นั้น
แต่ประสงค์ที่จะให้มีการพิจารณาอย่างระมัดระวังว่า โมเสสเดินทางไปแสวงหาบุรุษผู้นั้น
แต่บุรุษคนดังกล่าวไม่เคยเดินทางแสงหาโมเสส
พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้บัญญัติกฎหมาย
บุคคลที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับจิตใจของเขา
จะดำเนินไปตามชะตากรรมที่ถูกกำหนดแต่พระเจ้าเองจะทรงเป็นกฎหมาย และการทำให้กฎหมายได้รับการประกาศใช้เป็นหน้าที่ของทุกปัจเจกในจักรวาล
บุรุษผู้นั้นบอกโมเสสในขณะสนทนากันว่า การที่เขาได้รับความรู้ในการบริหารจัดการ
เป็นไปตามกุศโลบายของพระเจ้าอย่างยิ่ง
และปลูกฝังความเชื่อให้โมเสสในหลักคำสอนที่ต้องได้รับการสั่งสอน
เมื่อเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์อัล
กุรอานนี้ได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ
จึงเปิดเผยว่ากฎเกณฑ์นั้นควบคุมในทุกสถานการณ์ลทุกสภาพแวดล้อม
และโดยที่มนุษย์เป็นตัวแทนการบริหารจัดการกฎเกณฑ์ที่มีผลบังคับอยู่ในจักรวาล
สิ่งใดก็ตามที่มนุษย์กระทำลวนปฏิบัติไปตามลิขิตแห่งพระเจ้าซึ่งวางแบบแผนโดยพระองค์ผู้ทรงวิทยญาณ
ด้วยเหตุนี้โมเสสจึงเดินทางเพื่อแสวงหาบุรุษดังกล่าว
และหลังจากผ่านพ้นการเดินทางที่ยากลำบาก ก็ได้พบบุคคลผู้นั้น
และไม่สามารถบังคับใช้กฎเกณฑ์แห่งศาสนาของเขากับบุรุษผู้นั้นได้
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์