Topics
โลกแห่งวัตถุธาตุคือ
สถานที่ซึ่งมนุษย์จะเพาะปลูกดอกไม้หรือพืชหนามสำหรับชีวิตหลังความตาย
ถ้าบางคนอยู่ภายใต้อิทธิพลของความเข้าใจที่ชั่วร้าย
ซึ่งหว่านเมล็ดพืชหนามลงในแผ่นดินแห่งนี้ จากนั้นการให้ผลิตผล
การเก็บเกี่ยวและการบริโภคพืชหนามนั้น ได้ชี้ชะตากรรมให้แก่เขา
และถ้าบางคนได้เพาะปลูกลักษณะดังกล่าวในรัศมีแห่งคำสอนของท่านศาสดา
และแบบฉบับการใช้ชีวิตของบรรดานักบุญและผู้เคร่งครัด
ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นสวนไร่ผลไม้ จากนั้น หลังจากความตายแล้ว เขาจะได้รับความเพลิดเพลินจากทรัพย์สินที่น่าทึ่งนี้
พูดตรงๆ ก็คือ ไม่ว่าสิ่งที่ควรค่าแก่การได้รับรางวัลตอบแทนของชีวิต
หรือเราจะดำรงชีวิตอย่างแร้นแค้นในชีวิตหลังความตาย
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่กระทำในชีวิตนี้ที่นี่ คำกล่าวของท่านศาสดา ที่ว่า “จงมองดูความตายก่อน
ตายจริง” คือ การอธิบายประเด็นนี้
ที่ควรจะเรียนรู้และเข้าใจในชีวิตแห่งความรู้สึกทางด้านวัตถุว่า
ชีวิตหลังความตายขึ้นอยู่กับการะทำที่เราเองปฏิบัติโดยการเลือกและเจตนารมณ์เสรีของเราเอง
มีการกล่าวซ้ำไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานว่า เราถูกกำหนดให้ครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์
และไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลเพื่อสำรวจสัญลักษณ์ของพระเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก
ขอให้นำการสร้างสรรค์ตัวเราเองมาพิจารณา เรามาสู่การดำรงอยู่ได้อย่างไร
ได้รับการเลี้ยงดูอย่างระมัดระวังจากพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งอย่างไร
ในความเจริญเติบโตของวัยหนุ่ม พระเจ้าทรงมอบความแข็งแรงให้ท่าน
เพื่อสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆโลกโดยใช้เจตนารมณ์และการเลือกของท่าน
และโดยการใช้เจตนารมณ์เสรีและพลังเดียวกันนี้
ท่านสามารถแสวงหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
ได้มากจนกระทั่งสามารถเดินเรือล่องไปตามแม่น้ำ มนุษย์ยังคงร้องขอพลังมากขึ้น
และพระเจ้าก็ทรงมอบให้ เพื่อว่ามนุษย์จะสามารถควบคุมพลังอำนาจทางธรรมชาติ
ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเขาได้
แหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่บนโลก
บัดนี้อยู่ในเอื้อมมือของเขาแล้ว มนุษย์ที่ไร้พลัง
ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้หลังการถือกำเนิด ไม่สามารถแม้แต่จะนั่งเมื่อต้องการ
ได้รับความสามารถมาก จนกระทั่งใช้ศักยภาพประดิษฐ์คิดและค้นพบสิ่งต่างๆ
มากมายที่อำนวยความสะดวกสบาย และสร้างความเพลิดเพลินให้
เมื่อมนุษย์ค้นพบปรากฏการณ์ของกระแสไฟฟ้า
การแสวงหาทำให้มนุษย์สามารถสำรวจวิธีการต่างๆ ในการควบคุมพลังที่ทรงอำนาจนี้
และนำมาใช้เพื่อตัวเอง กระแสไฟฟ้าคือหนึ่งในสิ่งที่พระผู้อภิบาลทรงสร้างสรรค์
ซึ่งมนุษย์ได้ใช้การสร้างสรรค์นี้ผลิตสิ่งต่างๆ ด้วยวิธีการหลากหลายนับไม่ถ้วน
พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งกล่าวไว้ว่า
พระองค์คือผู้เลอเลิศที่สุดในบรรดาผู้สร้างสรรค์ทั้งมวล
นั่นคือพระองค์ทรงดีที่สุดจากผู้ที่สามารถสร้างสรรค์
การประดิษฐ์คิดค้นทั้งหมดที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าในการทำลาน
ล้วนสร้างสรรค์โดยมนุษย์ กระแสไฟฟ้าสามารถใช้ในหลากหลายวิถีทางและหลากรูปแบบ
และทั้งหมดนี้จะยังคงคลุมเครืออยู่
ถ้ามนุษย์ไม่ได้ใช้ความสามารถทางการสร้างสรรค์ของตน เป็นเพราะการแสวงหาในตัวมนุษย์ที่ทำให้เขาให้ความ
สนใจต่อกระแสไฟฟ้า
และการติดตามของมนุษย์ทำให้เขาสามารถสำรวจความเป็นไปได้เกือบทั้งหมดในการใช้กระแสไฟฟ้า
เป็นผลให้เกิดการสร้างสรรค์ประดิษฐ์กรรมต่างๆ
โดยมนุษย์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างสรรค์
เมื่อมนุษย์ใช้ความคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุ
จึงค้นพบวิธีการต่างๆ ที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานที่ซ่อนอยู่ในวัตถุของมนุษย์
มีพลังงานที่ซ่อนอยู่พลังหนึ่งที่รู้จักกันในนาม “วิญญาณ” ทำงานอยู่
ในความเป็นจริงการสำรวจพลังงานที่วัตถุมีอยู่
เป็นเพียงการสะท้อนความสามารถที่เคลือบคลุมของวิญญาณ ได้กล่าวไปก่อนหน้าแล้วว่า
มนุษย์เก็บเกี่ยวสิ่งที่ตนหว่านในชีวิตนี้ ส่วนรางวัลตอบแทนเป็นไปตามการกระทำเสมอ
มนุษย์ได้รับมากเท่าที่ลงทุนไป
ถ้าการคิดใคร่ครวญของมนุษย์นำไปสู่การสำรวจความมหัศจรรย์ของพลังงานไฟฟ้าแล้ว
ด้วยกฎของตรรกะทั้งหมด มนุษย์ก็สามารถค้นพบดวงตาพิเศษในตัวเองที่สามารถมองเห็นม่านซึ่งกั้นระหว่างมนุษย์กับอาณาบริเวณที่มองไม่เห็น
หลังจากขึ้นไปเหนือขอบเขตจำกัดของที่ว่างและเวลา
ดวงตาที่มองเห็นชีวิตหลังความตายอย่างไม่ยากลำบาก
หลังจากทะลุผ่านจอภาพที่เป็นวัตถุที่เป็นวัตถุซึ่งดำรงอยู่ระหว่างชีวิตในโลกนี้กับชีวิตหลังความตาย
ดวงตาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการสังเกตุที่แท้จริงสำหรับผู้เคร่งครัดและสำรวมตน
เมื่อดวงตานี้เริ่มทำงาน มนุษย์สามารถมองเห็นจิตวิญญาณ
วิญญาณที่เสียชีวิตไปแล้วและเทวทูต มนุษย์ไม่เพียงแต่มองเห็น
แต่ยังสามารถพูดคุยและติดต่อสื่อสารกับสิ่งเหล่านี้ได้ เหมือนที่กระทำในโลกที่ปรากฏอยู่นี้
ดวงตาเดียวกันนี้สามารถทำให้มิตรของพระเจ้า
ผู้ทรงยิ่งใหญ่มองเห็นอภิปัสนา (Beatific
Vision ตะญัลลี)
ของพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ณ
บัลลังก์ สิ่งแรกที่มาอยู่ต่อหน้าสายตานี้เมื่อเริ่มทำงานคือ
อาณาบริเวณที่เรียกกันว่า โลกแห่งการชำระ (อาลัมอัลอะอ์รอฟ) หรือชีวิตหลังความตาย
อันเป็นอาณาบริเวณที่มนุษย์ไปอยู่หลัง (วิญญาณ)
ละออกจากร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสา และกระดูก การพิสูจน์สวนสวรรค์
การมองเห็นกิจกรรมชีวิตหลังความตาย ก่อนที่จะเข้าไปสู่ที่นั่นจริงๆ
จะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับดวงตาด้านใน
ในชีวิตโลกนี้ถ้ามนุษย์ล้มเหลวในการเปิดดวงตาด้านใน
เขาจะถูกถอดถอนสิทธิตลอดไป สายตาของเขาจะถูกจำกัดแม้ในโลกหน้า
เสมือนผู้ที่ไม่สามารถมองข้ามกำแพง คล้ายกับผู้ที่ไม่อาจมองผ่านระยะทางที่จำกัดได้
ที่นี้คำถามก็คือตาด้านในนี้ มีการทำงานหลังจากที่ลืมขึ้นได้อย่างไร ต้อกระจกทำให้ตาบอดและความขุ่นมัวถูกจัดการเพื่อขจัดอาการสายตาสั้นได้อย่างไร
คำตอบไม่ยากจนเกินไปนักสำหรับคำถามนี้ ด้วยมรดกของท่านศาสดา
(ขอความสันติพึงมีแด่ท่านและลูกหลาน) มีบุคคลที่ได้อกแบบบทเรียนไว้แล้ว
บทเรียนเหล่านี้วางอยู่บนแบบอย่างของการเข้าญาน ซึ่งสร้างขึ้นโดยท่านศาสดาในถ้ำหิรอ
ขณะนี้รู้จักกันว่ มุรอกอบะฮ์ (อุตรวิสัยสมาธิ)
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์