ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ในการสังเกตตามปกติอย่างหนึ่งของเราคือ ไม่มีการจัดตั้งระบบการฝึกสอนเฉพาะขึ้นเพื่อสอนภาษาที่เด็กๆ พูด เด็กเริ่มเปล่งคำที่ได้ยินจากพ่อแม่ในตอนเริ่มต้น ด้วยการเลียนแบบพ่อแม่ ยังไม่มีการเปล่งคำต่างๆ อย่างชัดเจน แต่เมื่อเวลาที่ผ่านไป เด็กเริ่มพูดภาษาอย่างคล่องแคล่ว ยิ่งกว่านั้น ลูกเรียนรู้ลักษณะนิสัยทางโภชนาการจากพ่อแม่ เขากินสิ่งที่พ่อแม่กิน ถ้าบ้านแม่บรรยากาศสะดวกสบาย สะอาดและเป็นระเบียบ ดังนั้น ลูกก็จะมีบุคลิกภาพที่มีระเบียบเรียบร้อยและสะอาด ถ้าพ่อแม่ใช้ภาษาที่ผิดเพี้ยน ลูกก็จะไม่ลังเลใจที่จะกระทำและรับอิทธิพลของบรรยากาศที่บ้านทั้งหมด เมื่อออกไปสู่โลกภายนอก นอกกำแพงสี่เหลี่ยมของบ้าน อิทธิพลของบรรยากาศดังกล่าวได้สร้างผลกระทบลงบนจิตใจเด็ก

ตามทรรศนะทางจิตวิญญาณแล้ว ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ได้รับการฝึกฝนอย่างละครึ่งจากครอบครัวและสังคม หลังจากการอบรมขั้นต้นโดยอัตโนมัติ การอบรมขั้นที่สองจึงเริ่มต้นขึ้น นั้นคือสิ่งที่พ่อแม่ตั้งใจให้ลูกของตนเป็น ถ้าพ่อแม่ถ่ายทอดคุณสมบัติการโอ้อวด ความทรนงตนและความยะโสโอหังเสแสร้งไปสู่ลูก เขาก็จะยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของความขี้อวด ถ้าพ่อแม่

ให้การศึกษาลูกเกี่ยวกับคุณค่าทางศีลธรรมและจรรยามารยาท ลูกก็จะเติบโตขึ้นในแบบผู้ที่มีบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอที่ดี ซึ่งได้รับการให้เกียรติและยกย่องในสังคม และถ้าพ่อแม่ที่มความคิดเข้าใกล้ความเป็นวัตถุแล้ว ลูกก็จะพัฒนาไปในลักษณะเข้าใกล้ความคิดแบบเดียวกันคือโน้มเอียงไปทางวัตถุและความร่ำรวยทางโลกโดยอัตโนมัติ

โดยพื้นฐานแล้วมีแบบแผนในการเลี้ยงดูและอบรมลูกอยู่ 2 แบบ แบบหนึ่งคือแบบอัตโนมัติ และอีกแบบหนึ่งคือแบบตั้งใจ แบบอัตโนมัติคือลูกยอมรับเอาสิ่งที่สังเกตเห็นในบ้าน เรียนโดยการเลียนแบบจากพ่อแม่อย่างมีจิตสำนึก และอีกแบบหนึ่งเป็นแบบตั้งใจ คือพ่อแม่ให้ความรู้ในการอบรมลูกอย่างมีจิตสำนึก ด้วยการบอกลูกว่า เมื่ออยู่ในสังคมสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กคนนี้จะมีบุคลิกภาพของตนเอง ซึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูดังกล่าว ในการสร้างบุคลิกของบุคคลนั้น

มีความจำเป็นต้องเตรียมบรรยากาศเฉพาะ ซึ่งสามารถทำให้เขาฝึกฝนการเข้าใกล้ความคิดแบบที่ต้องการได้ เช่นเดียวกับที่สังคม พ่อแม่ สถาบันการศึกษาและญาติพี่น้องมีบทบาทสำคัญในการอบรม และสร้างบุคลิกลักษณะของบุคคล เช่นกันในการอบรมและสร้างบุคลิกลักษณะของบุคคลทางจิตวิญญาณขึ้นมา ความสัมพันธ์ของเขากับบุคคลที่มีบุคลิกลักษณะที่ถูกห้อมล้อมด้วยคุณค่าทางจิตวิญญาณ ในเชิงของรหัสยนิยม (ซูฟี) เรียกบุคคลลักษณะดังกล่าวว่า มุร็อต (ผู้ให้คำแนะนำ) บุคคลิกลักษณะของผู้ให้แนะนำแตกต่างอย่างชัดเจนจากผู้ที่เขลาจากความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ ยิ่งเข้าไปใกล้ชิดผู้ชี้แนะของตัวเอง มากเท่าใด คุณสมบัติและเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณก็จะยิ่งถ่ายทอดจากผู้ชี้แนะ หรือ ครูทางจิตวิญญาณมาสู่ตัวเขามากขึ้นเท่านั้น และการเข้าใกล้ความคิดทั้งหมดจะจารึกลงบนจิตใจของผู้สัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งคือลูกศิษย์นั่นเองในเชิงรหัสนิยมเรียกแบบแผนนี้ว่า ศักยภาพเชิงสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ (ซาลู้ก) นี่คือวิธีการเดียวที่ผู้สัมพันธ์ทางจิตวิญญาณดำเนินตาม เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับศักยภาพทางจิตวิญญาณซึ่งดำรงอยู่ในตัว

เขา พวกเขาจะสำรวจและนำเอาศักยภาพทางจิตวิญญาณมาไว้ในตวเอง โดยดำเนินตามเส้นทางความสามารถในการสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ

แนวทางนี้กำหนดขึ้นจากเหตุการณ์และตัวอย่าง ซึ่งยกเอามาจากชีวิตของบรรดาศาสดาในคัมภีร์อัลกุรอานอันเป็นพันธกิจในการเทศนาสั่งสอนการเข้าใกล้ความคิดที่เฉพาะ ทุกคนสามารถแยกแยะระหว่างความดีกับความเลว ความชั่วร้ายกับคุณธรรมความดี ความถูกต้องและความผิดพลาดด้วยความช่วยเหลือจากคำสอนของบรรดาศาสดา และมาตรฐานที่พวกท่านกำหนดในประเด็นนี้ โดยเหตุผลแล้วบรรดาศาสดาได้ให้ในภาพความดีและความเลวแก่มนุษยชาติ และมนุษย์ได้รับความแตกต่างเหนือสิ่งถูกสร้างอื่นๆ เพราะมนุษย์คุ้นชินกับมโนภาพความดีและความชั่วร้าย มนุษย์ได้รับความรู้ว่าการเข้าใกล้การดำรงชีวิตที่เฉพาะจะทำให้ได้รับความดีและการเข้าใกล้แบบอื่นๆ จะทำให้เขาออกห่างจากความดี และความเที่ยงตรง นอกจากนี้ ยังได้รับความรู้อีกว่าในการเป็นคนดีนั้น จะต้องตระหนักในความเป็นจริงของตนเอง ความคุ้นเคยกับความเป็นจริงช่วยให้มนุษย์มีความรู้ซึ่งสามารถทำให้ค้นพบศักยภาพที่ยังไม่ได้รับการสำรวจซึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวเขาเอง บุคลิกลักษณะของผู้หนึ่งได้กลายมาเป็นมีคุณธรรมความดีและบริสุทธิ์ตามลำดับ ซึ่งศักยภาพถูกนำออกมาใช้ และที่แตกต่างกันคือบุคลิกลักษณะของผู้หนึ่งจะยังคงคลุมเครือและอยู่ในระดับต่ำมาก เท่าที่เขาหลงลืมศักยภาพของตน

ถ้านำการดำรงชีวิตของมนุษย์ และแพะมาพิจารณา เปรียบเทียบกัน จะพบว่า ชีวิตของทั้งสองนั้นมีการดำรงอยู่ เกือบจะวิธีทางเดียวกัน สิ่งเดียวที่แยกแยะมนุษย์ออกไป คือความสามารถที่จะใช้ศักยภาพของตนเองให้เป็นประโยชน์ ถ้าบุคคลละทิ้งคุณสมบัติของตนที่ซ่อนอยู่ และเขลาต่อตัวตนของตนเองแล้ว เขาก็ไม่อาจถูกแยกออกจากแพะ และสัตว์อื่นๆได้ ในการคุ้นเคยกับศักยภาพที่ซ่อนอยู่ จำเป็นที่เขาต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองด้วยความรักความเสน่ห์หาของบิดาที่มีความเชี่ยวชาญในความรู้ทางรหัสยะและมีบรรยากาศความมีคุณธรรมความดีให้เขา ณ ที่นี้พ่อเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน พ่อคือบุคคลซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของครูทางจิตวิญญาณหรือผู้

แนะนำ จิตสำนึกของลูกสร้างขึ้นจากการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ และบรรยากาศที่พร้อมมูลในบ้าน ถ้ามีความอึดอัด ความกระวนกระวาย ความวิตกกังวล และควมหยาบช้าลามกของบรรยากาศในบ้าน ลูกก็จะกลายเป็นเหยื่อของความวิตกกังวล และความยุ่งยากคับอกคับใจ แต่ถ้าที่บ้านมีแต่สันติสุข สงบร่มเย็น พ่อแม่พูดจาสุภาพนุ่มนวล มีความสมัครรักใคร่และมีความเยือกเย็นทางอารมณ์แล้ว ลูกก็จะบุคลิกลักษณะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยโดยอัตโนมัติ เป็นการสังเกตตามปกติ ของเราที่ว่าลูกของพ่อแม่ที่มีน้ำเสียงกระด้างเกรี้ยวกราดยามพูดกับลูกหรือตะโกนเสียงดัง ลูกก็จะเป็นคนพูดจาหยาบกระด้าง และตะโกนเสียงดังไปด้วย ลูกๆ ของพ่อแม่ที่เห็นแก่ตัวและมักมากในโลกีย์วิสัย ก็จะเป็นคนเห็นแก่ตัวและมักมากในโลกีย์วิสัยด้วย ลูกของพ่อแม่ที่มีปมเขื่อง จะประพฤติตัวแบบวางมาดเต๊ะจุ๊ย พ่อแม่ที่หัวใจดื้อและกร้าวร้าว ก็แน่นอนว่าลูกก็จะมีคุณลักษณะเหล่านี้อย่างแน่นอน ลูกของพ่อแม่ที่เอาจริงเอาจังและสุขุมเยือกเย็น ก็จะมีคุณสมบัติเดียวกัน ตามปกติพ่อแม่ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะมีลูกที่มีน้ำใจไมตรี

มีปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อรายชื่อเชลยศึกถูกนำเสนอต่อท่านศาสดา (ศ็อล) (ขอความสันติพึงมีแด่ท่านและลูกหลาน) ท่านพบว่า ในบรรดารายชื่อเชลยศึกที่เป็นหญิง มีคนหนึ่งชื่อท้ายว่าตัย เมื่อสอบถามดูปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมาจากเผ่าฮาตัมตัย ที่มีเกียรติประวัติในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่านศาสดาจึงสั่งให้ปล่อยนางเป็นอิสระ เมื่อนางทราบว่าตัวเองได้รับอิสรภาพ นางกลับปฏิเสธที่จะรับอิสรภาพดังกล่าว และกล่าวว่า เป็นการขัดแย้งกับธรรมเนียมของครอบครัวนาง ที่นางจะถูกปล่อยไปด้วยความเศร้าโศก เมื่อท่านศาสดาทราบการตัดสินใจของนาง ท่านไม่เพียงมอบอิสรภาพให้พวกพ้องของนางเท่านั้น แต่ยังมอบของกำนัลและสิ่งมีค่าให้อย่างมากมายให้ด้วย การศึกษาชีวิตของท่านศาสดานำเราไปสู่บทสรุปว่า พระเจ้าทรงสูงส่ง ได้ทรงสร้างระบบที่วางอยู่บนบุคลิกลักษณะเฉพาะของมนุษย์ ผู้ที่มีความผูกพันกับสายโซ่ของการอุทิศก็จะได้รับคุณค่าเดียวกัน ที่เป็นการแยกแยะ อัตลักษณ์ของผู้คนจากบุคลิกลักษณะเฉพาะดังกล่าว ผู้สัมพันธ์ทางจิตวิญญาณจำเป็นต้องมีทางนำจากบางคนบนเส้นทางแห่งศักยภาพเชิงสัมพันธ์ทางจิต

วิญญาณนี้ เพื่อว่าเขาจะสามารถได้รับการอุปถัมภ์ด้วยความรักใคร่จากบิดาทางจิตวิญญาณและเจริญเติบโตบนบรรยากาศแห่งศักยภาพเชิงสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นที่ต้องการในการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ