Topics
พระเจ้า คือผู้ที่รวมทุกสิ่งเข้าไว้
พระเจ้าทรงเห็นที่เรากระทำทั้งหมดพระองค์ทรงรู้ในสิ่งที่เราซ่อนเร้นเอาไว้
สถานที่ซึ่งเราอยู่พระองค์ทรงเป็นอีกผู้หนึ่ง สถานที่ซึ่งเราอยู่ 2 คน
บุคคลที่สามคือพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสัมบูรณ์ ผู้ทรงนิรันดร์คือปฐมบทและปัจฉิมบท
ในขอบเขตของความเป็นจริงเหล่านี้ความรู้ของพระเจ้า
ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีสิ้นสุดและไมมีขอบเขตจำกัดด้วย
เมื่อพระเจ้าทรงมีเจตนาที่จะสร้างจักรวาล
พระองค์ทรงกล่าวว่า “จงเป็น”
และจักรวาล ก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ในความเป็นจริง
ในการอธิบายควรจะเป็นคำพูดง่ายๆ ว่า จักรวาลคือความรู้ของพระเจ้าที่สำแดงในรูปของความรู้ปรากฏการณ์ของจักรวาลคือการเคลื่อนย้านความรู้ของพระเจ้า
เป็นความรู้ของพระเจ้าที่แสดงตนในรูปลักษณ์ของจักรวาล
เพราะฉะนั้นจักรวาลทั้งมวลไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความรู้ของพระเจ้า
ความรู้ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็คือความรู้
น้ำของมหาสมุทรหยดเดียวก็เป็นน้ำ น้ำในรูปของมหาสมุทรก็คือน้ำ
และในรูปของหยดน้ำก็คือน้ำเช่นกัน
น้ำยังคงเป็นน้ำไม่ว่าอยู่ในรูปของมหาสมุทรหรือหยดน้ำ
โดยจักรวาลนี้เป็นปรากฏการณ์แห่งความรู้ของพระเจ้า เพราะฉะนั้น
พื้นฐานและโครงสร้างที่พัฒนาล้วนเป็นความจริง เมื่อวิเคราะห์ชีวิตที่ถูกกักขังในโลกวัตถุ
ก็จะนำมาสู่ความชัดเจนอย่างเพียงพอว่า
ชีวิตทั้งหมดไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความรู้และความรู้จะเป็นความรู้ก็ต่อเมื่อมีความหมายและวัตถุประสงค์ในตัวความรู้ดังกล่าว
ความรู้สึกแปลกๆ ค่อยๆ
เพิ่มขึ้น เมื่อผู้หนึ่งคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับระบบจักรวาลที่พระเจ้า ผู้ทรงสลักเสลาทั้งมวลทรงสถาปนาขึ้น
ดูเหมือนจะน่าประหลาดอย่างยิ่ง ที่ทำไมพระเจ้าจึงสร้างระบบซึ่งในระบบดังกล่าว
ความเจ็บปวดและความปิติยินดี ความทรมานและความสุข
ความโศกเศร้าและความสะดวกสะบายดำรงอยู่เคียงคู่กัน ตัวอย่างเช่น
ไม่มีใครสนามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่กินอาหาร ทุกคนถูกบังคับให้นอน
ผู้หนึ่งเผชิญกับข้อจำกัด และข้อจำกัดดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
ความรู้สึกของความรู้นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากวัตถุประสงค์ที่แท้จริงแห่งความรู้ของพระเจ้า
พระเจ้าทรงบอกอาดัมว่า
“โอ้ อาดัม
จงพำนักอยู่ในสวนสวรรค์ กับคู่ครองของเจ้าและบริโภคสิ่งที่สวยงามด้วยความปิติยินดีตามที่และในที่ที่เจ้าปรารถนา”
สวนสวรรค์ คือ
ที่พักอาศัย ซึ่งไม่มีขอบเขตถูกกำหนดไว้ หรือกล่าวได้ว่า ไร้ขอบเขตจำกัด
คำกล่าวอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่ว่า
“บริโภคสิ่งที่น่าปิติยินดีตามที่และในที่ที่เจ้าปรารถนา”
ชี้ให้เห็นว่าอาดัมได้รับมอบหมายให้ควบคุมเหนือพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตของสวนสวรรค์
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคืออาดัมบิดาของเราได้รับสิทธิในการเป็นเจ้าของพื้นที่อันไม่จำกัดของสวนสวรรค์แต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้พระเจ้า ผู้ทรงวิทยญาณยิ่ง ยังได้บอกกับอาดัมผู้นี้อีกว่า
“จงอย่าเข้าไปใกล้ต้นไม้ดังกล่าว
หรือเจ้าจะวิ่งเข้าไปสู่ความชั่วร้ายและการกระทำผิด” ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของสวนสวรรค์
มีต้นไม้และพื้ชจำนวนนับไม่ถ้วน ในบรรดาต้นไม้ทั้งหมดนั้น
มีอยู่ต้นหนึ่งที่ถูกแสดงให้แก่อาดัมและเตือนไม่ให้เข้าใกล้ต้นไม้ต้นดังกล่าว
ได้เกิดเหตุการณ์ที่อาดัมกระทำการฝ่าฝืน ทั้งที่เขาไม่เคยปรารถนาที่จะกระทำ
ผลที่ตามมาจากความผิดพลาดของอาดัมคือสวนสวรรค์ปฏิเสธเขา
และถูกตัดขาดจากดินแดนที่มอบให้เขา เหตุการณ์ทั้งหมดคือที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้
มีสวนซึ่งชวนให้หลงใหล
พร้อมด้วยต้นไม้ พืช ลำธารและสายน้ำ รวมทั้งวังที่งดงามเพื่อใช้พำนัก
มนุษย์ได้รับสิทธิทุกประการเพื่อใช้สอยทุกสิ่งตามความพึงพอใจและเจตนารมณ์ของเขา
เพียงส่วนหนึ่งของสวนเท่านั้นที่ถูกจำกัดสำหรับอาดัม และได้รับการเตือนว่า
แม้เจ้าจะมีพลังในการเข้าไปในสวนนั้น แต่จะเป็นการดีกว่า ถ้าเจ้าจะไม่ใช้พลังดังกล่าว
กาลเทศะยังอยู่ภายใต้การควบคุมของคำสั่งอาดัม
ตราบเท่าที่อาดัมมิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎข้อบังคับดังกล่าวของพระเจ้า
แต่ครั้งหนึ่งด้วยความไม่สนใจคำเตือนข้อห้าม
เขาก็กระทำการฝ่าฝืนข้อจำกัดของที่ว่างและเวลาจึงถูกกำหนดแก่อาดัม
หลายเรื่องราวที่ถูกค้นพบเกี่ยวกับต้นไม้ต้องห้าม
จะพบว่ามีประเด็นหลากหลายเกี่ยวกับต้นไม้ต้องห้าม คนบางส่วนบอกว่าเป็นต้นข้าวสาลี
บางคนบอกว่าเป็นต้นแอปเปิ้ล และบางส่วนเชื่อว่าเป็นต้นองุ่น
ต่างคนต่างมีข้อมูลที่แตกต่างกันเกี่ยวกับต้นไม้
แต่เท่าที่พิจารณาจากบันทึกศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า
ไม่มีการกล่าวถึงชื่อต้นไม้
เมื่อต้นไม้นี้ได้รับการพิจารณาตามทรรศนะทางด้านจิตวิญญาณ
และในสภาพที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความกระตือรือร้นของจิตสำนึกระหว่างทำอุตรวิสัยสมาธิ
พบว่าต้นไม้นี้ในความเป็นจริง คือสัญลักษณ์การเข้าใกล้ที่จำเพาะเจาะจงของแบบแผนทางความคิดที่ดำรงอยู่ในสวนสวรรค์ทั้งหมด
ถูกวางบทบาทให้อยู่ในคำสั่งและอำนาจของมนุษย์ เมื่อผู้หนึ่งจะต้องกินแอปเปิ้ล
แม้ว่าต้นแอปเปิ้ลจะมีอยู่ในสวนสวรรค์แล้ว ความต้องการที่จะกินแอปเปิ้ล
ผลแอปเปิ้ลก็พร้อม
สำหรับการบริโภค
ความต้องการดื่มน้ำก็พอแล้วสำหรับการมีน้ำให้ดื่ม การเข้าใกล้นี้เปิดเผยว่า
มีวิธีการที่จะกำหนดบางสิ่งอยู่ 2 แบบ
หนึ่งในนั้นคือหลังจากที่ผู้หนึ่งปลูกต้นแอปเปิ้ลแล้ว
ก็รอเวลาที่ต้นแอปเปิ้ลเจริญเติบโต จนหลังจากเวลาสำคัญที่ต้นไม้ให้ผล และผู้หนึ่งมีความปรารถนาที่จะได้รับความสำราญจากผลไม้
ก็ต้องเดินไปที่ต้นไม้นั้น เก็บรวบรวมและกินผลไม้ดังกล่าว
อีกวิธีการหนึ่งในการกำหนดก็คือ มีต้นไม้ที่ออกผลมากมาย
ไม่มีใครที่ปลูกต้นไม้เหล่านี้หลังจากพรวนดินแล้ว หรือมีผู้ใดดูแลเอาใจใส่มัน
ตอนนี้ถ้าผู้หนึ่งต้องการกินแอปเปิ้ล
ผลแอปเปิ้ลก็มีพร้อมเพื่อสนองความพอใจในรสชาติของผู้หนึ่ง
โดยไม่ต้องวุ่นวายในการเก็บผลแอปเปิ้ล ความชำนิชำนาญ
และความรู้ที่ต้องการในการจัดการกับรูปแบบการกำหนดนี้
สามารถสำรวจได้โดยการเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของพระเจ้า
นับเป็นส่วนสำคัญแห่งเจตนารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
ที่จักรวาลควรจะกลายมาเป็นการดำรงอยู่ ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงสั่งให้เห็น
ด้วยการกล่าวว่า “กุน”
(จงเป็น) มันก็ปรากฏเป็นขึ้นมา
ในชีวิตแบบสวนสวรรค์เจตนารมณ์ที่จะกินแอปเปิ้ลถูกรวมเข้าไปในจิตใจของอาดัม ดังนั้น
เมื่อเขาประสงค์จะกินสักผลหนึ่ง เขาก็กล่าวว่า “แอปเปิ้ล”
และผลแอปเปิ้ลก็ปรากฏออกมา การเปล่งเสียงคำว่า “กุน” เป็นผลให้จักรวาลมีอยู่ และด้วยการกล่าวว่า “แอปเปิ้ล” ทำให้แอปเปิ้ลมีอยู่พร้อม
สิ่งนี้พระเจ้าพระผู้อภิบาลแห่งการสร้างสรรค์ทรงตอบรับว่า
“ฉันคือผู้ดีที่สุดในหมู่ผู้สร้างสรรค์”
ตามเหตุผลแล้ว
พระเจ้าทรงมอบศักยภาพในการสร้างสรรค์ให้แก่สิ่งถูกสร้างของพระองค์
สามารถสร้างสรรค์เสมือนที่พระองค์เองทรงกระทำ
ความแตกต่างในการสร้างสรรค์ของพระเจ้ากับการสร้างสรรค์ของมนุษย์นั่นคือ
พระเจ้าทรงสร้างสรรค์โดยปราศจากทรัพยากรธรรมชาติใดๆ ทรัพยากรธรรมชาติถูกผลิตขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อให้เจตนารมณ์ของพระองค์บรรลุผล
ในเรื่องการสร้างสรรค์บางสิ่ง
ทั้งหมดที่พระเจ้าต้องการแสดงก็คือการสรรค์สร้างเมื่อพระเจ้าผู้ทรงอำนาจอย่าง
ล้นเหลือทรงกล่าวคำว่า “กุน” ศักยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากร
มนุษย์พึ่งพาอาศัยทรัพย์สมบัติและทรัพยากรธรรมชาติในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
หลังจากศักยภาพในการสร้างสรรค์
ที่ได้รับการปลดปล่อยจากการหน่วงเหนี่ยวของที่ว่างและเวลาได้ถูกนำมาใช้
ผู้หนึ่งก็สุขสำราญกับชีวิตด้านจิตวิญญาณ
และเมื่อศักยภาพการสร้างสรรค์เหล่านี้ถูกใช้ โดยขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของกาลเทศะ
ผู้หนึ่งจะยังคงอาศัยอยู่ในโลกวัตถุ
ชีวิตที่ถูกกักขังด้วยการขึ้นอยู่กับทรัพย์สมบัติและทรัพยากรธรรมชาติ
คือชีวิตที่ถูกลืมเลือน เขลาและอยุติธรรม
เช่นเดียวกับสติปัญญา
วิทยญาณความฉลาดรอบรู้ก็เติบโตและเจริญงอกงามเหมือนต้นไม้ ความรู้เติบโตไปสู่กิ่งก้านสาขามากมาย
มีการริเริ่มปรัชญาใหม่ๆ ตลอดเวลา มีการค้นพบและสร้างประดิษฐกรรมใหม่ๆ
ในทำนองเดียวกันและในวิธีการเดียวกันอย่างเด่นชัด
ต้นไม้แห่งความอยุติธรรมและอวิชชาก็มีกิ่งก้าน ใบดอกและผลเช่นกัน
ถ้าพื้นฐานการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์เป็นเรื่องความอยุติธรรมและอวิชชาแล้ว
การสร้างประดิษฐ์กรรมทั้งหมดก็จะนำเอาความทรมานมาให้
แทนที่จะเป็นความสุขและความสำราญใจ บังเกิดความทุกข์ร้อนแทนที่จะเป็นความสุข
แทนที่จะมีความพึงพอใจในความสำเร็จความขุ่นเคืองกลับคืบคลานเข้ามาในชีวิต
เมื่อศึกษาวิเคราะห์การพัฒนาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
เราพบว่าความก้าวหน้านี้วางอยู่บนสิ่งที่พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้ เรียกว่า
การละเมิดฝ่าฝืน ความอยุติธรรมและความอวิชชาทั้งหมด
การพัฒนาในปัจจุบันสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้มนุษยชาติ
พวกเราทุกคนมีความกระวนกระวายใจ ถูกทำให้ขุ่นเคืองและไม่สบายใจ
เงาทะมึนแห่งความวิตกกังวล
และความรู้สึกไม่มั่นคงคือความหวาดกลัวที่จะกลืนกินมนุษยชาติทั้งหมด
แต่โดยที่ทั้งหมดนี้สำเร็จลงได้โดยอาศัยทรัพยากรที่จำกัดและการหน่วงเหนี่ยวของกาลเทศะที่เฝ้าดูอยู่
มนุษย์จึงได้รับแต่ความกังวลและความทุกข์ใจ
ผู้ที่ปลดปล่อยตนเองจากข้อจำกัดของที่ว่างและเวลา
และได้รับการคัดเลือกเพื่อการเขาใกล้ทางด้านจิตวิญญาณ
จะดำเนินตามธรรมชาติอย่างกลมกลืน และเมื่อเราศึกษาธรรมชาติ จะสังเกตเห็นว่า
แหล่งที่มาและวิธีการที่มีอยู่บนโลก
วางอยู่บนการยอมรับและการรับใช้อย่างจริงใจโดยปราศจากการมุ่งหวังรางวัลตอบแทน
ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นและความปรารถนาส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทุกวัน
อย่างรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพียงยังประโยชน์แก่สิ่งถูกสร้างของพระผู้อภิบาลของมัน
น้ำซึ่งชะล้างทำความสะอาดให้มนุษยชาติก็กระทำไป
โดยปราศจากการคาดหวังการยกย่องหรือรางวัลตอนแทนใดๆ จากสิ่งถูกสราง
เหมือนกันในกรณีของอากาศ ออกซิเจน พืชและแร่ธาตุ
สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้กลายเป็นความทุกข์ยากและความเจ็บปวดของมนุษยชาติ
เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยการผสมกันของทรัพย์สมบัติ
และทรัพยากรธรรมชาติซึ่งพระเจ้าทรงสร้าง กับความด้อยทางความคิดของมนุษย์ที่แสวงหาผลประโยชน์ทงด้านการเงินตราจากประดิษฐกรรมเหล่านี้
ความปรารถนาส่วนตัวยอมรับ
แม้แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำเอาทรัพย์สมบัติไปใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่
และสิ่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้ววา แทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
กลับเป็นแหล่งกำเนิดของความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานทางจิตใจสำหรับมนุษยชาติ
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์