Topics
ร่างกายมนุษย์ขึ้นอยู่กับวิญญาณ
นั่นคือร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสา ของมนุษย์ ไม่ใช่ “บุคคล” ที่แท้จริง
คนที่มีจิตปกติ ซึ่งไม่ได้รับความทรมานจากอาการป่วยหรือผิดปกติทางอารมณ์ใดๆ
จะมีแรงกระตุ้นตามธรรมชาติและตามสัญชาตญาณที่เป็นกลาง
คุณค่าทางสังคมในสังคมที่เราดำรงชีวิตนั้น วางอยู่บนสัญชาตญาณ
ตัวอย่าง
ถ้าบางคนซึ่งมีวิจารณญาณ เพียงพอที่จะเข้าใจไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ของตน
ผู้นั้นจะรู้สึกขัดข้องหมองใจ ความไม่รู้นี้ทำให้ความขัดข้องหมองใจยังคงครอบงำอยู่
ดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบอะไร ถ้าผู้หนึ่งไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนคือใคร
เพราะเขาก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ยังทำให้เขาได้รับความสุขในการใช้ชีวิต
ใช้ประโยชน์จากกิจกรรมต่างๆ ของชีวิต รู้สึกพึงพอใจในการคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูง
แต่ถ้าเขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพ่อแม่
ชีวิตก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดข้องหมองใจและการสูญเสีย
เด็กๆ ที่ไม่รู้จักพ่อแม่ของตนเอง
ต้องแสวงหาการอุปถัมภ์ค้ำชูจากบางคนที่ยังคงสัมพันธ์อยู่กับกำเนิดของพวกเขา
ตัวอย่างเหล่านี้พบได้ในประเทศตะวันตก ซึ่งเรียกเด็กๆ ที่ไม่รู้จักพ่อแม่ของตนว่า
ลูกๆ
ของพระเจ้าแผ่นดินถึงแม้ว่าจะรู้เป็นอย่างดีว่าในความเป็นจริงพวกเขาไม่มีมโนคติใดๆ
เกี่ยวกับพ่อแม่ของตน พวกเขาก็ยังปลอบโยนเด็กๆ เหล่านั้นว่า เป็นลูกของพระเจ้าแผ่นดิน
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ได้รับการยอมรับจากทุกอารยธรรมของมนุษยชาติ
และได้รับการปกป้องโดยกฏหมายที่บังคับใช้ในสังคม การดำรงอยู่ของโชคชะตา
และระบบครอบครัวก็วางอยู่บนมโนคติที่ปกป้องความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธินี้ด้วย
กฎของธรรมชาติก็คุ้มครองป้องกันความสัมพันธ์นี้เช่นกัน
และย้ำเตือนมนุษย์ให้ยกย่องให้เกียรติ “ชาติกำเนิด” พ่อแม่ของตน แท้ที่จริงแล้ว
ผู้ที่เกิดนอกสมรสไม่มีสถานะภาพทางสังคม
การเป็นเด็กกำพร้าคือสิ่งหนึ่งและการมีชีวิตอยู่โดยไม่รู้จักพ่อแม่
เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อบุคคลทางจิตวิญญาณเริ่มแสวงหาต้นกำเนิดของตนเองในการติดตามสืบค้นเพื่อให้รู้ต้นกำเนิดดังกล่าว
การแสวงหาดังกล่าวทำให้ไปถึงต้นกำเนิดแห่งจักรวาล
เนื่องจากแรงผลักดันและความคิดไกลสุดเอื้อมของเขา
การแสวงหาต้นกำเนิดของผู้หนึ่งคือบทเรียนทางจิตวิญญาณบทแรก ผู้มีส่วนร่วมในทางจิตวิญญาณจะแสวงหาตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด
เมื่อประสบการณ์ความสำเร็จในการสำรวจและค้นพบตัวเอง
เขาก็จะค้นหาแหล่งกำเนิดของสิ่งแวดล้อมและสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว
เมื่อการค้นพบเปิดเผยออกมาว่า สภาพแวดล้อมนั้นวางอยู่บนก๊าซและแสง
จิตใจของเขาก็เปลี่ยนมาสนใจต้นกำเนิดของก๊าซและแสงเหล่านี้แทน
เมื่อตระหนักถึงแสงและความเป็นจริงเกี่ยวกับแสง
ม่านที่ปิดกั้นสายตาของเขาก็เลิกขึ้นและเริ่มมองเห็นสิ่งถูกสร้างของแสงทั้งหลายในอาณาบริเวณที่มองไม่เห็น
เมื่อการสืบเสาะหาความเป็นจริงผลักดันมนุษย์ไปสู่แหล่งกำเนิดของแสงเหล่านี้
เขาจะสังเกตเห็นว่า แหล่งกำเนิดของแสงเหล่านี้คือแสงที่มองไม่เห็นและละเอียดอ่อน
ซึ่งเนื่องจากความจำกัดของศัพท์แสงของเราจึงไม่อาจให้ความหมายใดๆ ได้นอกจากรัศมี
(นูร)
เรารู้ว่าไม่อาจคิดคำนวณรูปร่างหน้าตาของกระแสไฟฟ้า
ถึงอย่างไรก็ตาม จากการดำรงอยู่และการทำงานตามปกติของกระแสไฟฟ้า
ไม่มีใครเคยพยายามอธิบายรูปทรงของไฟฟ้าเลย ไม่มีผู้ใดปฏิเสธพลังงานไฟฟ้าได้
เมื่อกระแสไฟฟ้า แสดงตัวเองเราเห็นปฏิกิริยาที่แสดงออกมา
อย่างมากที่สุดกระแสไฟฟ้าเรียกได้เพียงคลื่น แต่รูปทรงก็ไม่สามารถอธิบายได้
ถ้ากระแสไฟฟ้าถูกที่ให้ผ่านจอภาพ เราอาจมองเห็นแสงสีต่างๆ วาววับ
แต่รูปร่างหน้าตาของกระแสฟ้าก็ยังอยู่นอกเหนือการอธิบาย ประกายไฟหรือ
แสงวาววับที่แสดงบนจอไม่สามารถเรียกว่าเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ณ
ที่นี้ใช่ภาพดังกล่าวเป็นของจอและไม่รูปธรรมของไฟฟ้า
กลับมายังจุดเริ่มต้นในการพิจารณาของเรา
การเสาะแสวงหาเพื่อเปิดเผยความเป็นจริงของแสง
นำนักศึกษาทางจิตวิญญาณไปสู่แสงที่เรียกว่ารัศมี (นูร)
หลังจากตัวเองมีความคุ้นเคยกับรัศมีแล้ว ก็จะเริ่มแสวงหาความเป็นจริงของรัศมี
สิ่งนี้สามารถทำให้มนุษย์สำรวจและค้นพบว่า
รัศมีประกอบด้วยคุณลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ การแนะนำของคุณลักษณะแห่งพระเจ้ากระตุ้นการเสาะแสวงหาของเขาขึ้นไปอีก
และเริ่มคิดคำนึงถึงการมองเห็นผู้ซึ่งครอบคคุณลักษณะเหล่านี้
ถ้ามีความเมตตาของพระเจ้า และมีความยินดีกับความใกล้ชิดต่อท่านศาสดา
(ขอความสันติพึงมีแด่ท่านและลูกหลาน) เราจะค้นพบว่าต้นกำเนิดของคุณลักษณะ
ก็คือเจตนารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
เมื่อเราตั้งสมาธิไปยังคุณลักษณะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
แรงขับดันในการแสวงหาความรักต่อท่านศาสดา (ขอความสันติพึงมีแต่ท่านและลูกหลาน)
การเคารพภักดีพระเจ้าอย่างมากมาย และความหลงใหลต่อความจริง จะเปิดเผยแก่ตัวเราว่า
พื้นฐานของเจตนารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์คืออภิปัสนา (Beatific Vision) หรือภาษาอาหรับว่า “ตะญัลลี”
เมื่อเขายังคงปรารถนามากขึ้นไปอีกก็จะเปิดเผยออกมาว่า
รากฐานของอภิปัสนา (ตะญัลลี) นี้คือความโน้มเอียงไปสู่พระเจ้า (ตะดัลลา) ณ
ขั้นตอนนี้ จากการปฏิเสธความมีจิตสำนึกและความรู้สึก เขาจึงก้าวไกลออกไปข้างหน้า
ท้ายที่สุดจะประสบความสำเร็จในการตระหนักรู้สิ่งสัมบูรณ์ นั่นคือ
พระเจ้าผู้ทรงอยู่ชั่วนิรันดร์และทรงอสงไขย
วัตถุประสงค์ของการบรรยายทั้งหมดนี้ก็คือ
ในการไปถึงจุดสำคัญอันสูงสุดของเหตุการณ์ จะต้องเริ่มต้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง
และในการก้าวออกไปในเบื้องแรก เราจะต้องมีความใส่ใจอย่างแน่วแน่ เราต้องมีความสนใจ
มีความสัมพันธ์และมีสมาธิ และให้เพื่อได้รับสมาธิในการเพ่งความสนใจ วิธีการง่ายๆ
คือ มุรอกอบะฮ์ เรียกกันว่า มุรอกอบะฮ์ กระตุ้นจินตนาการ
และการกระตุ้นจินตนาการดังกล่าว ตัวอย่างเช่น มีคนมากมายซึ่งมีความสามารถในจินตนาการและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
พวกเขาแสดงพฤติกรรมบางอย่าง เนื่องจากพลังนี้
แต่ไม่มีแม้แต่สักตัวอย่างเดียวที่ผู้นั้นเคยมองเห็นเทวทูตหรือวิญญาณของตนเอง
หลังจากจินตนาการตื่นตัวด้วยความช่วยเหลือของวิทยาศาสตร์กายภาพหรือสูตรเกี่ยวกับวัตถุทั่วไป
ภาระหน้าที่ของจินตนาการนี้สับสนยากที่จะเข้าใจทีเดียว
ถ้าบางคนพบเห็นวิญญาณโดยบังเอิญซึ่งคล้ายคลึงกับเขาในทุกรูปลักษณ์
ผู้นั้นก็จะรู้สึกสับสนอย่างชัดเจน หรือสะดุ้งตกใจกลัว
ไม่เป็นการยากเกินไปที่จะเข้าใจสิ่งนี้
ผู้ที่ขาดความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของตัวเอง
หรือไม่ต้องการที่จะให้ยุ่งยากใจในเรื่องนี้ ดังนั้น เพื่อให้เรื่องนี้ผ่านไป
ดูเหมือนเป็นการง่ายที่จะกล่าวว่า ทั้งหมดนี้คืองานของจินตนาการ
และถ้าบางสิ่งบางอย่างได้รับการพิสูจน์แม้แต่น้อยนั่นก็เป็นมายากลทั้งหมด
ไม่ว่าเกิดโดยอุบัติเหตุหรือโดยการเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นจริงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
และไม่อาจถูกทำให้ชะงักได้ด้วยมโนคติดังกล่าว
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนมีคุณูปการมากมายในความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ผ่านทางการประดิษฐ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี
นักวิทยาศาสตร์ในอดีตมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในเกียรติยศของพวกเขา
แต่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์กายภาพ
จะประกาศความก้าวหน้าของตนในทุกด้านก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้
ซึ่งคุยอวดเกี่ยวกับการเดินในอวกาศ พิชิตดวงจันทร์ได้
และค้นพบเส้นทางออกไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้น ก็ยังไม่เข้าใจปีรามิดแห่งอียิปต์อย่างสมบูรณ์
การก่อสร้าง วัตถุประสงค์และการทำงานของพวกเขาทำให้หัวใจงุนงง
ที่ความมหัศจรรย์ทุกรายการของโลกยังไม่สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปที่เหมาะสมของพวกเขาได้
มุกอนนะฮ์
ศาสดาที่ถูกซ่อนเร้นแห่งโคราซานได้ออกอุบายประดิษฐ์ดวงจันทร์
ซึ่งขึ้นในเวลาที่กำหนด และหลังจากให้ความสว่างไสวแก่โลกในเวลาที่กำหนดแล้วก็ลับขอบฟ้า
ไฟในมหาภารตะซึ่งเป็นมหากาพย์ภาษาสันสกฤตที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงอาวุธที่ใช้ยิง
ซึ่งในอาวุธเหล่านั้นมี “จักราวรรดิ”
(Chakaraart) ซึ่งมีอำนาจการทำลายดุจไฟนรกขึ้นบนโลก
เป็นที่ชัดเจนว่าการประดิษฐ์ทั้งหมดนี้เป็นไปได้
เมื่อมีบางคนสร้างสิ่งเหล่านั้นตามจินตนาการของตนและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
จินตนาการของนักประดิษฐ์ได้รับการชมเชยอย่างกว้างขวางและอย่างไม่ระมัดระวัง
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์