Topics

จินตนาการ 2

ร่างกายมนุษย์ขึ้นอยู่กับวิญญาณ นั่นคือร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสา ของมนุษย์ ไม่ใช่ บุคคลที่แท้จริง คนที่มีจิตปกติ ซึ่งไม่ได้รับความทรมานจากอาการป่วยหรือผิดปกติทางอารมณ์ใดๆ จะมีแรงกระตุ้นตามธรรมชาติและตามสัญชาตญาณที่เป็นกลาง คุณค่าทางสังคมในสังคมที่เราดำรงชีวิตนั้น วางอยู่บนสัญชาตญาณ

ตัวอย่าง ถ้าบางคนซึ่งมีวิจารณญาณ เพียงพอที่จะเข้าใจไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ของตน ผู้นั้นจะรู้สึกขัดข้องหมองใจ ความไม่รู้นี้ทำให้ความขัดข้องหมองใจยังคงครอบงำอยู่ ดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบอะไร ถ้าผู้หนึ่งไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนคือใคร เพราะเขาก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ยังทำให้เขาได้รับความสุขในการใช้ชีวิต ใช้ประโยชน์จากกิจกรรมต่างๆ ของชีวิต รู้สึกพึงพอใจในการคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูง แต่ถ้าเขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพ่อแม่ ชีวิตก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดข้องหมองใจและการสูญเสีย

เด็กๆ ที่ไม่รู้จักพ่อแม่ของตนเอง ต้องแสวงหาการอุปถัมภ์ค้ำชูจากบางคนที่ยังคงสัมพันธ์อยู่กับกำเนิดของพวกเขา ตัวอย่างเหล่านี้พบได้ในประเทศตะวันตก ซึ่งเรียกเด็กๆ ที่ไม่รู้จักพ่อแม่ของตนว่า ลูกๆ ของพระเจ้าแผ่นดินถึงแม้ว่าจะรู้เป็นอย่างดีว่าในความเป็นจริงพวกเขาไม่มีมโนคติใดๆ เกี่ยวกับพ่อแม่ของตน พวกเขาก็ยังปลอบโยนเด็กๆ เหล่านั้นว่า เป็นลูกของพระเจ้าแผ่นดิน ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ได้รับการยอมรับจากทุกอารยธรรมของมนุษยชาติ และได้รับการปกป้องโดยกฏหมายที่บังคับใช้ในสังคม การดำรงอยู่ของโชคชะตา และระบบครอบครัวก็วางอยู่บนมโนคติที่ปกป้องความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธินี้ด้วย กฎของธรรมชาติก็คุ้มครองป้องกันความสัมพันธ์นี้เช่นกัน และย้ำเตือนมนุษย์ให้ยกย่องให้เกียรติ ชาติกำเนิดพ่อแม่ของตน แท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่เกิดนอกสมรสไม่มีสถานะภาพทางสังคม การเป็นเด็กกำพร้าคือสิ่งหนึ่งและการมีชีวิตอยู่โดยไม่รู้จักพ่อแม่ เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อบุคคลทางจิตวิญญาณเริ่มแสวงหาต้นกำเนิดของตนเองในการติดตามสืบค้นเพื่อให้รู้ต้นกำเนิดดังกล่าว การแสวงหาดังกล่าวทำให้ไปถึงต้นกำเนิดแห่งจักรวาล เนื่องจากแรงผลักดันและความคิดไกลสุดเอื้อมของเขา การแสวงหาต้นกำเนิดของผู้หนึ่งคือบทเรียนทางจิตวิญญาณบทแรก ผู้มีส่วนร่วมในทางจิตวิญญาณจะแสวงหาตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด เมื่อประสบการณ์ความสำเร็จในการสำรวจและค้นพบตัวเอง เขาก็จะค้นหาแหล่งกำเนิดของสิ่งแวดล้อมและสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว เมื่อการค้นพบเปิดเผยออกมาว่า สภาพแวดล้อมนั้นวางอยู่บนก๊าซและแสง จิตใจของเขาก็เปลี่ยนมาสนใจต้นกำเนิดของก๊าซและแสงเหล่านี้แทน เมื่อตระหนักถึงแสงและความเป็นจริงเกี่ยวกับแสง ม่านที่ปิดกั้นสายตาของเขาก็เลิกขึ้นและเริ่มมองเห็นสิ่งถูกสร้างของแสงทั้งหลายในอาณาบริเวณที่มองไม่เห็น เมื่อการสืบเสาะหาความเป็นจริงผลักดันมนุษย์ไปสู่แหล่งกำเนิดของแสงเหล่านี้ เขาจะสังเกตเห็นว่า แหล่งกำเนิดของแสงเหล่านี้คือแสงที่มองไม่เห็นและละเอียดอ่อน ซึ่งเนื่องจากความจำกัดของศัพท์แสงของเราจึงไม่อาจให้ความหมายใดๆ ได้นอกจากรัศมี (นูร)

เรารู้ว่าไม่อาจคิดคำนวณรูปร่างหน้าตาของกระแสไฟฟ้า ถึงอย่างไรก็ตาม จากการดำรงอยู่และการทำงานตามปกติของกระแสไฟฟ้า ไม่มีใครเคยพยายามอธิบายรูปทรงของไฟฟ้าเลย ไม่มีผู้ใดปฏิเสธพลังงานไฟฟ้าได้ เมื่อกระแสไฟฟ้า แสดงตัวเองเราเห็นปฏิกิริยาที่แสดงออกมา อย่างมากที่สุดกระแสไฟฟ้าเรียกได้เพียงคลื่น แต่รูปทรงก็ไม่สามารถอธิบายได้ ถ้ากระแสไฟฟ้าถูกที่ให้ผ่านจอภาพ เราอาจมองเห็นแสงสีต่างๆ วาววับ แต่รูปร่างหน้าตาของกระแสฟ้าก็ยังอยู่นอกเหนือการอธิบาย ประกายไฟหรือ แสงวาววับที่แสดงบนจอไม่สามารถเรียกว่าเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ณ ที่นี้ใช่ภาพดังกล่าวเป็นของจอและไม่รูปธรรมของไฟฟ้า

กลับมายังจุดเริ่มต้นในการพิจารณาของเรา การเสาะแสวงหาเพื่อเปิดเผยความเป็นจริงของแสง นำนักศึกษาทางจิตวิญญาณไปสู่แสงที่เรียกว่ารัศมี (นูร) หลังจากตัวเองมีความคุ้นเคยกับรัศมีแล้ว ก็จะเริ่มแสวงหาความเป็นจริงของรัศมี สิ่งนี้สามารถทำให้มนุษย์สำรวจและค้นพบว่า รัศมีประกอบด้วยคุณลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ การแนะนำของคุณลักษณะแห่งพระเจ้ากระตุ้นการเสาะแสวงหาของเขาขึ้นไปอีก และเริ่มคิดคำนึงถึงการมองเห็นผู้ซึ่งครอบคคุณลักษณะเหล่านี้ ถ้ามีความเมตตาของพระเจ้า และมีความยินดีกับความใกล้ชิดต่อท่านศาสดา (ขอความสันติพึงมีแด่ท่านและลูกหลาน) เราจะค้นพบว่าต้นกำเนิดของคุณลักษณะ ก็คือเจตนารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เมื่อเราตั้งสมาธิไปยังคุณลักษณะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า แรงขับดันในการแสวงหาความรักต่อท่านศาสดา (ขอความสันติพึงมีแต่ท่านและลูกหลาน) การเคารพภักดีพระเจ้าอย่างมากมาย และความหลงใหลต่อความจริง จะเปิดเผยแก่ตัวเราว่า พื้นฐานของเจตนารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์คืออภิปัสนา (Beatific Vision) หรือภาษาอาหรับว่า ตะญัลลีเมื่อเขายังคงปรารถนามากขึ้นไปอีกก็จะเปิดเผยออกมาว่า รากฐานของอภิปัสนา (ตะญัลลี) นี้คือความโน้มเอียงไปสู่พระเจ้า (ตะดัลลา) ณ ขั้นตอนนี้ จากการปฏิเสธความมีจิตสำนึกและความรู้สึก เขาจึงก้าวไกลออกไปข้างหน้า ท้ายที่สุดจะประสบความสำเร็จในการตระหนักรู้สิ่งสัมบูรณ์ นั่นคือ พระเจ้าผู้ทรงอยู่ชั่วนิรันดร์และทรงอสงไขย

วัตถุประสงค์ของการบรรยายทั้งหมดนี้ก็คือ ในการไปถึงจุดสำคัญอันสูงสุดของเหตุการณ์ จะต้องเริ่มต้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง และในการก้าวออกไปในเบื้องแรก เราจะต้องมีความใส่ใจอย่างแน่วแน่ เราต้องมีความสนใจ มีความสัมพันธ์และมีสมาธิ และให้เพื่อได้รับสมาธิในการเพ่งความสนใจ วิธีการง่ายๆ คือ มุรอกอบะฮ์ เรียกกันว่า มุรอกอบะฮ์ กระตุ้นจินตนาการ และการกระตุ้นจินตนาการดังกล่าว ตัวอย่างเช่น มีคนมากมายซึ่งมีความสามารถในจินตนาการและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป พวกเขาแสดงพฤติกรรมบางอย่าง เนื่องจากพลังนี้ แต่ไม่มีแม้แต่สักตัวอย่างเดียวที่ผู้นั้นเคยมองเห็นเทวทูตหรือวิญญาณของตนเอง หลังจากจินตนาการตื่นตัวด้วยความช่วยเหลือของวิทยาศาสตร์กายภาพหรือสูตรเกี่ยวกับวัตถุทั่วไป ภาระหน้าที่ของจินตนาการนี้สับสนยากที่จะเข้าใจทีเดียว ถ้าบางคนพบเห็นวิญญาณโดยบังเอิญซึ่งคล้ายคลึงกับเขาในทุกรูปลักษณ์ ผู้นั้นก็จะรู้สึกสับสนอย่างชัดเจน หรือสะดุ้งตกใจกลัว ไม่เป็นการยากเกินไปที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ผู้ที่ขาดความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของตัวเอง หรือไม่ต้องการที่จะให้ยุ่งยากใจในเรื่องนี้ ดังนั้น เพื่อให้เรื่องนี้ผ่านไป ดูเหมือนเป็นการง่ายที่จะกล่าวว่า ทั้งหมดนี้คืองานของจินตนาการ และถ้าบางสิ่งบางอย่างได้รับการพิสูจน์แม้แต่น้อยนั่นก็เป็นมายากลทั้งหมด ไม่ว่าเกิดโดยอุบัติเหตุหรือโดยการเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นจริงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และไม่อาจถูกทำให้ชะงักได้ด้วยมโนคติดังกล่าว

นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนมีคุณูปการมากมายในความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ผ่านทางการประดิษฐ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี นักวิทยาศาสตร์ในอดีตมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในเกียรติยศของพวกเขา แต่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์กายภาพ จะประกาศความก้าวหน้าของตนในทุกด้านก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ ซึ่งคุยอวดเกี่ยวกับการเดินในอวกาศ พิชิตดวงจันทร์ได้ และค้นพบเส้นทางออกไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้น ก็ยังไม่เข้าใจปีรามิดแห่งอียิปต์อย่างสมบูรณ์ การก่อสร้าง วัตถุประสงค์และการทำงานของพวกเขาทำให้หัวใจงุนงง ที่ความมหัศจรรย์ทุกรายการของโลกยังไม่สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปที่เหมาะสมของพวกเขาได้ มุกอนนะฮ์

ศาสดาที่ถูกซ่อนเร้นแห่งโคราซานได้ออกอุบายประดิษฐ์ดวงจันทร์ ซึ่งขึ้นในเวลาที่กำหนด และหลังจากให้ความสว่างไสวแก่โลกในเวลาที่กำหนดแล้วก็ลับขอบฟ้า ไฟในมหาภารตะซึ่งเป็นมหากาพย์ภาษาสันสกฤตที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงอาวุธที่ใช้ยิง ซึ่งในอาวุธเหล่านั้นมี จักราวรรดิ” (Chakaraart) ซึ่งมีอำนาจการทำลายดุจไฟนรกขึ้นบนโลก เป็นที่ชัดเจนว่าการประดิษฐ์ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ เมื่อมีบางคนสร้างสิ่งเหล่านั้นตามจินตนาการของตนและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า จินตนาการของนักประดิษฐ์ได้รับการชมเชยอย่างกว้างขวางและอย่างไม่ระมัดระวัง 

Topics


Parapsychology (Thai)

ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี

และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์ และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ

ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์